(การสนทนากับโหณพราหมณ์, เริ่มในที่นี้ด้วยพราหมณ์ทูลถาม)
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นเทวดาหรือ ?” พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นเทวดาดอก.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นคนธรรพ์หรือ ?” พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นคนธรรพ์ดอก.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นยักษ์หรือ ?” พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นยักษ์ดอก.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นมนุษย์หรือ ?” พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นมนุษย์ดอก.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! เราถามอย่างไร ๆ ท่านก็ตอบว่ามิได้เป็นอย่างนั้น ๆ, ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นอะไรเล่า ?”พราหมณ์เอย ! อาสวะ เหล่าใด ที่จะทำให้เราเป็น เทวดา เพราะยังละมันไม่ได้,
อาสวะเหล่านั้นเราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี
ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว.
พราหมณ์เอย ! อาสวะเหล่าใดที่จะทำให้เราเป็น คนธรรพ์ เป็น ยักษ์ เป็น มนุษย์ เพราะยังละมันไม่ได้,
อาสวะเหล่านั้น เราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี
ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว.พราหมณ์ ! เปรียบเหมือนดอกบัวเขียว บัวหลวง หรือบัวขาว, มันเกิดในน้ำ
เจริญในน้ำ โผล่ขึ้นพ้นน้ำตั้งอยู่ น้ำไม่เปียกติดมันได้ ฉันใดก็ฉันนั้นนะพราหมณ์ !
เรานี้เกิดในโลก เจริญในโลก ก็จริง แต่เราครอบงำโลกเสียได้แล้ว และอยู่ในโลก
โลกไม่ฉาบทาแปดเปื้อน เราได้.
พราหมณ์ ! ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็น “พุทธะ” ดังนี้เถิด.
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
ภาคนำ ข้อความให้เกิดความสนใจในพุทธประวัติ หน้าที่ ๑๔/๖๑๔