ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์กำลังขึ้น สิ่งที่มาก่อน เป็น นิมิตให้เห็น
ก่อน คือการขึ้นมาแห่งอรุณ ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เมื่อมีการเกิดขึ้นแห่งอริย-
อัฏฐังคิกมรรคของภิกษุ สิ่งที่มาก่อน เป็นนิมิตให้เห็นก่อน คือ กัล๎ยาณมิตตตา
(ความเป็นผู้กัลยาณมิตร) ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! นี้คือความหวังของภิกษุผู้มี
กัลยาณมิตร คือเธอจักเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค
ได้จักกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ย่อม
กระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ ชนิดไหนกันเล่า? ภิกษุ ท. ! ภิกษุใน
กรณีนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ …. สัมมาสังกัปปะ …. สัมมาวาจา ….
สัมมากัมมันตะ …. สัมมาอาชีวะ …. สัมมาวายามะ …. สัมมาสติ ….
สัมมาสมาธิ. ชนิดที่ อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อ
ความสลัดลง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ อย่างนี้แล.
– มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๖ – ๓๙/๑๒๙ – ๑๔๖.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๒
ภาค ๔ ว่าด้วย มัคคอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือมรรค หน้าที่ ๘๕๔/๑๕๗๒