“ศรัทธาเป็นพืช”, พระองค์ตอบ, “ความเผาผลาญกิเลสเป็นน้ำฝน,
ปัญญาของเราเป็นแอกและคันไถ,
หิริเป็นงอนไถ, ใจเป็นเชือกชัก, สติเป็นผาลแลปฏัก,
การคุมกาย คุมวาจา คุมท้องในเรื่องอาหาร เป็นรั้วนา,
เราทำความสัจจ์ ให้เป็นผู้ถากหญ้าทิ้ง, ความยินดีใน
พระนิพพาน (ที่เราได้รู้รสแล้ว) เป็นกำหนดการเลิก ทำนา,
ความเพียรของเรา เป็นผู้ลากแอกไป ลากไปสู่ แดนอันเป็นที่เกษมจากโยคะ,
ไปอยู่ ๆ ไม่เวียนกลับ, สู่ที่ซึ่งบุคคลไปถึงแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก.
การไถนาที่ไถแล้วอย่างนี้ นานั้นย่อมมี อมตะ คือความไม่ตาย เป็นผล,
ครั้นไถนานี่เสร็จแล้ว ย่อมหลุดพ้นจาก ความทุกข์ ทั้งปวง”.
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
ภาค ๔ เรื่องเบ็ดเตล็ดใหญ่น้อยต่าง ๆ ตั้งแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว ไปจนถึงจวนจะปรินิพพาน
หน้าที่ ๓๘๑/๖๑๔