ภิกษุ ท. ! เราย่อมไม่กล่าวการประสบความพอใจในอรหัตตผล ด้วย
การกระทำอันดับแรกเพียงอันดับเดียว. ภิกษุ ท. ! ก็แต่ว่า การประสบความ
พอใจในอรหัตตผล ย่อมมีได้เพราะการศึกษาโดยลำดับ เพราะการกระทำโดย
ลำดับ เพราะการปฏิบัติโดยลำดับ.
ภิกษุ ท. ! ก็การประสพความพอใจในอรหัตตผล ย่อมมีได้เพราะ
การศึกษาโดยลำดับ เพระการกระทำโดยลำดับ เพราะการปฏิบัติโดยลำดับ
นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! บุรุษบุคคลในกรณีนี้ :
เป็นผู้ มีสัทธา เกิดขึ้นแล้ว ย่อม เข้าไปหา (สัปบุรุษ) ;
เมื่อเข้าไปหา ย่อม เข้าไปนั่งใกล้ ;
เมื่อเข้าๆไปนั่งใกล้ ย่อม เงี่ยโสตลงสดับ ;
ผู้เงี่ยโสตลงสดับ ย่อม ได้ฟังธรรม ;
ครั้นฟังแล้ว ย่อม ทรงจำธรรมไว้, ย่อม
ใคร่ครวญพิจารณาซึ่งเนื้อความแห่งธรรม ทั้งหลายที่ตนทรงจำไว้ ;
เมื่อเขาใคร่ครวญพิจารณา ซึ่งเนื้อความแห่งธรรมนั้นอยู่, ธรรม
ทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ;
เมื่อธรรมทนต่อการเพ่งพิสูจน์มีอยู่ ฉันทะ (ความพอใจ) ย่อมเกิด ;
ผู้เกิดฉันทะแล้ว ย่อม มีอุตสาหะ ;
ครั้นมีอุตสาหะแล้ว ย่อม ใช้ดุลยพินิจ (เพื่อหาความจริง);
ครั้นใช้ดุลยพินิจ(พบ)แล้ว ย่อม ตั้งตนไว้ในธรรม นั้น;
ผู้มีตนส่งไปแล้วในธรรมนั้นอยู่ ย่อม กระทำให้แจ้ง ซึ่งบรมสัจจ์ด้วย
นามกาย ด้วย, ย่อมเห็นแจ้งแทงตลอด ซึ่งบรมสัจจ์นั้นด้วยปัญญา ด้วย.
– ม. ม. ๑๓/๒๓๓/๒๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๒
ภาค ๔ ว่าด้วย มัคคอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือมรรค หน้าที่ ๘๕๓/๑๕๗๒